วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

โอ้โหอึ้ง ขยะล้นเมืองของจริง กองเต็มถนนทั้งสายในเลบานอน

           ขยะจำนวนมหาศาลถูกนำมากองรวมกันกลายเป็นถนนขยะ ขาวโพลนกลางเมืองหลวงของเลบานอน หลังรัฐบาลยกเลิกแผนการส่งออกไปยังรัสเซีย

           เฟซบุ๊กสำนักข่าว CCTV ของจีน เผยภาพชวนตะลึงจากถนนสายหนึ่งในประเทศเลบานอน เป็นภาพของวัตถุสีขาวจำนวนมหาศาลท่วมท้นถนนไปทั้งสาย ประหนึ่งคลื่นโฟมสีขาวที่กำลังไหลผ่านกลางเมือง แต่เมื่อเพ่งดูใกล้ ๆ ถึงกับอึ้ง เมื่อวัตถุที่เห็นสีขาวโพลนไปทั่วนี้คือ กองขยะ !


         ขยะมากมายเหล่านี้ถูกนำมากองทับถม รวมกันที่ถนนในเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน หลังจากที่รัฐบาลเลบานอน ได้ยกเลิกแผนการส่งออกขยะเหล่านี้ไปยังประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


           ทั้งนี้ทางการเลบานอนได้ปิดพื้นที่ทิ้งขยะไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และปัญหาขยะล้นเมืองได้ส่งผลกระทบลุกลามถึงสภาพอากาศและถนนในเมืองดังกล่าว




ภาพจาก news.163.com
http://hilight.kapook.com/view/133324

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สุดแปลก หนูน้อยเกิดมามี 3 ขา คล้ายหางงอกที่หลัง


         แพทย์ฮือฮา ทารกอินเดียเกิดมาพร้อมภาวะแปลก เป็นเด็กหลายขา มีขาที่ 3 งอกขึ้นมาข้างหลัง เผยเป็นเซลล์ที่เติบโตมาจากไขสันหลัง หาพบได้น้อยมาก

          วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยรายงานว่า หนูน้อยวาร์ชา เซนา ทารกเพศหญิงชาวอินเดีย เกิดมาพร้อมกับอวัยวะที่เป็นส่วนเกิน ต่างจากมนุษย์ทั่ว ๆ ไป นั่นคือมีขาที่ 3 ขนาดเล็กจิ๋ว งอกขึ้นมาที่บริเวณกลางหลังด้านซ้าย ยื่นออกมาด้านนอกลำตัว ซึ่งทีมแพทย์จากโรงพยาบาล Govind Ballabh Pant ในกรุงเดลี เผยว่า ความผิดปกติที่พบในกรณีของหนูน้อยรายนี้ เรียกว่า เด็กหลายขา (polymelia) หรือภาวะที่ทารกเกิดมามีมากกว่า 2 ขา หรือ 2 แขน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจมาก เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พบเห็นลักษณะเช่นนี้มานานกว่า 55 ปีแล้ว 


          โดยสำหรับเคสของหนูน้อยวาร์ชา เกิดจากความผิกปกติระหว่างช่วงตั้งครรภ์ ในช่วงที่ตัวอ่อนกำลังสร้างเซลล์ ระยะแรกตัวอ่อนซึ่งคาดว่าจะเป็นแฝดที่มีตัวติดกัน แต่แล้วแฝดคนหนึ่งเกิดหยุดการเจริญเติบโตและได้ทิ้งเซลล์ไว้ ซึ่งเซลล์ที่ว่านี้คือไขสันหลัง สุดท้ายมันจึงพัฒนาจนกลายมาเป็นขางอกเพิ่มขึ้นมาเช่นนี้

          อย่างไรก็ดี นับเป็นความโชคดีของหนูน้อยวาร์ชาอย่างยิ่ง ที่เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาทางทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมได้ประสบ ความสำเร็จในการผ่าตัด นำขาที่ 3 ส่วนเกินออกให้ได้เรียบร้อย ปัจจุบันหนูน้อยวาร์ชาอายุได้ 2 ขวบแล้ว และสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติเช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ 


          โคมาล เซนา วัย 24 ปี คุณแม่ของหนูน้อย เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้เห็นลูกสาวหลังคลอด เธอตกใจและกลัวมาก ครอบครัวของเธอเรียกลูกสาวคนนี้ว่า Ganesh หรือพระพิฆเนศ พระเจ้าตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ถึงแม้ว่าท่านจะมี 4 ขาเหมือนปกติก็ตาม

ภาพจาก sondakika, mapo.al

http://baby.kapook.com/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81-141944.html

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ยิ่งกว่า CIA ! พ่อบ้านใจกล้าประกาศเตือนอย่าปล่อยให้เมียเข้าถึง Gmail


       พ่อบ้านใจกล้าประกาศเตือน อย่าปล่อยให้เหล่าแม่กวางน้อยเข้าถึง Gmail ของเราได้ เพราะสามารถเช็กได้ว่าคุณไปไหนมาบ้าง !!

        นับวันเทคโนโลยีก็ยิ่งจะล้ำหน้ามากขึ้นไปทุกที เหล่าพ่อบ้านใจกล้าทั้งหลายก็ต่างหาทางซิกแซ็ก หลบหลีก เพื่อหาทางหลุดพ้นเงื้อมมือเหล่ากวางน้อย (คุณแฟน หรือศรีภรรยา) แต่ขอบอกเลยว่าเรื่องราวต่อไปนี้พูดได้ประโยคเดียวว่า "CIA ที่ว่าแน่ ก็ต้องยอมแพ้ให้แม่กวางน้อย" !!!

        เพราะเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 คุณ Amixer สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้เปิดเผยว่า ระบบ Gmail นั้นมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Google Map TimeLine ที่ไม่ใช่แค่การแสดงให้เห็นถึงแผนที่ธรรมดา แต่มันสามารถบอกได้ว่า คุณไปที่ไหน เวลาใดบ้าง แถมบอกละเอียดยิบแม้กระทั่งว่าคุณอยู่จุดนั้นกี่โมงถึงกี่โมงกันเลยทีเดียว



      งานนี้พ่อบ้านใจกล้าประกาศเตือน ใครที่คิดจะมีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อย ต้องล้มเลิกภารกิจซะแล้ว เพราะฟีเจอร์นี้มันเข้าไปดูได้ง่ายดาย เพียงแค่ล็อกอิน Gmail > เลือก  Google map > คลิกซ้ายมือ ขีดสามขีด ตรงเมนู >> แล้วเลือก Time Line เป็นอันเสร็จพิธีที่จะสามารถรู้ได้ว่าคุณไปไหนมาบ้าง

        เล่นเอาเหล่าพ่อบ้านใจกล้าถึงกับตาโต แถมยังถามว่าแจ้งลบกระทู้นี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะป่านนี้เหล่ากวางน้อยคงรู้วิธีกันหมดแล้ว ขณะเดียวกันก็มีเหล่ากวางน้อยเข้ามาขอบคุณเจ้าของกระทู้กันยกใหญ่ ทำเอาสถาบันพ่อบ้านใจกล้าสั่นคลอนกันเลยทีเดียว (อิอิ)

ภาพและข้อมูลจาก คุณ Amixer สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

http://hilight.kapook.com/view/133046

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ลูกสาวผงะ พ่อถ่ายรูปเจ้าโลกกะแฮปปี้วาเลนไทน์แม่ ดันส่งผิดให้เธอเห็นซะนี่


           ลูกสาวสุดอาย พ่อถ่ายรูปเจ้าโลกตัวเองกะส่งแฮปปี้วาเลนไทน์แม่ แต่ดันส่งผิดมาโผล่หราให้เธอเห็นหน้า Snapchat แถมมีคนได้เห็นอีกเป็นล้าน

          เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ของอังกฤษ เผยเรื่องราวสุดวุ่นที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง เมื่อ คุณพ่ออารมณ์ดีได้แชะภาพเซลฟี่เจ้าโลกตัวเองขณะกำลังนอนแช่น้ำ กะจะส่งกวนภรรยาในวันวาเลนไทน์ซะหน่อย แต่แล้วดันพลาดอย่างหนัก กดโพสต์ใน Snapchat ที่มีลูกสาวเห็นด้วยซะนี่ งานนี้ลูกสาวถึงกับเอ่ยปากบอกว่า โอ๊ย อยากตาย เลยทีเดียวเชียว

          เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันแห่งความรักที่ผ่านมา คุณพ่อที่แสนอารมณ์ดีมีอารมณ์ขันรายหนึ่ง ได้นึกสนุกอยากกวนภรรยา เลยหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเจ้าโลกตัวเอง ขณะที่กำลังนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นก็เอาอีโมติคอนมาปิดของตรงบริเวณของสงวนไว้ แล้วก็ส่งรูปกิ๊บกิ้วนั้นผ่าน Snapchat ให้ภรรยาดูทันที



            แต่แล้วไม่รู้ว่าทำท่าไหนเข้า เขาได้โพสต์รูปนั้นลงไปใน Snapchat ที่มี โรบิน มิลเลน ลูกสาววัย 18 ปีเห็นด้วย ทำให้ลูกสาวอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะแชทบอกคุณพ่อของเธอว่า "พ่อ สแนปแชทของพ่อมันดูไม่เหมาะสมเลยนะ"

          เมื่อลูกสาวทักท้วงมาแบบนั้น คุณพ่อรายนี้ก็เลยรีบตอบกลับด้วยข้อความว่า "ขอโทษลูก พ่อนึกว่าส่งถึงแม่แค่คนเดียว ฮ่า ๆ ๆ ไม่รู้ว่ามันใช้ยังไงอะ"

          งานนี้ดูเหมือนคนที่อายสุด ๆ ก็คือโรบินนี่แหละ เธอถึงกับโพสต์ทวิตเตอร์ว่า "ฉันอยากตาย" เลยทีเดียว หลังจากที่พบว่ารูปแฮปปี้วาเลนไทน์ดังกล่าวมีคนเห็นกว่า 1.5 ล้านคนแล้ว ส่วนคุณพ่อตัวแสบน่ะหรือ บอกไม่เห็นเป็นไรเลยมันมีอิโมจิปิดอยู่นะ... น่ะ เป็นงั้นไป


ภาพจาก Robyn Millen

http://hilight.kapook.com/view/133015

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สาวญี่ปุ่นเที่ยวแนวใหม่ จ้างทัวร์ไปปล่อยเกาะร้าง เอาตัวรอดลำพัง 19 วัน


สาวญี่ปุ่นเที่ยวแนวใหม่ จ้างบริษัทพาสัมผัสประสบการณ์แบบในหนัง Cast Away ยอมถูกจับไปปล่อยเกาะแม้สกิลเอาตัวรอดเท่ากับศูนย์ มีของติดตัวแค่แว่นขยายกับปืนยิงปลา ให้เอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง 19 วัน เจ้าตัวบอกจากที่เคยไม่ชอบคนเยอะวุ่ยวาย ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว !  

          ถ้าต้องลองจินตนาการถึงชีวิตของคนที่มีอันต้องไปติดเกาะนั้นจะเป็นอย่างไร ก็มีภาพยนตร์คนติดเกาะอย่างเรื่อง Cast Away (2000) จำลองสถานการณ์พอให้นึกภาพออก แต่ถ้าคิดว่านั่นมันแค่เฟค ๆ ปลอม ๆ คุณก็สามารถสร้างประสบการณ์ติดเกาะได้ด้วยตัวเอง เหมือนอย่าง เรอิกโกะ โฮริ นักศึกษาสาววัย 22 ปี จากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่จ่ายเงินให้ Docastaway บริษัทนำเที่ยวแนวใหม่ซึ่งเชี่ยวชาญการมอบประสบการณ์สไตล์แอดเวนเจอร์บนเกาะ อันห่างไกลแก่ลูกค้า พาเธอไปปล่อยทิ้งไว้ที่เกาะร้างห่างไกลผู้คน โดยเจ้าตัวเลือกโปรแกรมผจญภัยที่มีระดับความเข้มข้นสูงที่สุด ต้องถูกปล่อยเกาะโดดเดี่ยวให้เอาชีวิตรอดด้วยตัวเองนานถึง 19 วัน ไม่มีเสบียงใด ๆ ทั้งสิ้น


เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเรื่องราวน่าติดตามของสาวรายนี้ ในรายงานวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 โดยเรอิกโกะถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้ที่เกาะอัมปาโรของอินโดนีเซีย เป็นเกาะโดดเดี่ยวที่อยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลียไป ราว 4,200 กิโลเมตร โดยสิ่งที่มีติดตัวเธอมีเสื้อผ้าของใช้จำเป็นส่วนตัว แว่นขยาย 1 ด้ามสำหรับช่วยจุดไฟ และปืนยิงปลา 1 ประบอกเป็นอาวุธไว้หาอาหารเท่านั้น


           อัลวาโร เซเรโซ ผู้จัดการโปรแกรมจาก Docastaway เผยว่า แค่ วันแรกที่ได้พบลูกค้าสาวรายนี้ก็ทำเขาหนักใจสุด ๆ เพราะเรอิกโกะไร้ซึ่งการเตรียมตัวเพื่อมาอยู่เกาะโดยสิ้นเชิง แถมทักษะการเอาตัวรอดก็ต่ำมาก ไม่มีสัญชาตญาณระแวดระวังอันตราย ทั้งเดินเท้าเปล่าบนปะการังแบบไม่กลัวโดนบาด หรือแม้แต่นอนหลับไปบนพื้นเปล่า ๆ โดยไม่หวั่นว่าจะถูกสัตว์เหยียมเข้าในตอนกลางคืน แต่หลังจากได้ฝึกทักษะเอาตัวรอดเบื้องต้นให้ 1 วันแล้ว เขาก็ปล่อยเธอทิ้งไว้บนเกาะตามที่เจ้าตัวปรารถนา


           เรอิกโกะ เผยว่า ตอนที่เธอได้อยู่ คนเดียวแล้วจริง ๆ บนเกาะเธอรู้สึกดีใจมาก แต่นั่นมันก็แค่วันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นความเหงาและโดดเดี่ยวอย่างร้ายแรงก็เข้าเล่นงาน แถมยังมีความทรหดในการต้องเอาตัวรอดอีก สาวเมืองปลาดิบเล่าถึงการที่เธอต้องใช้แว่นขยายก่อไฟกับกาบมะพร้าว การปีนต้นมะพร้าวเพื่อเก็บลูกมากิน รวมทั้งการลงไปหาปลาในน้ำ ซึ่งเธอสามารถใช้ปืนยิงจับปลามาได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ตัว ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อเอาตัวรอดตลอด 18 วันที่เหลือ


        แม่สาว Cast Away รายนี้ยังยอมรับว่า เธอเป็นคนไม่ค่อยเก่งในการเข้าสังคมมากนัก และเลือกที่จะปลีกตัวไปอยู่คนเดียวมากกว่า แต่หลังจากได้ผ่านประสบการณ์ 19 วันหฤโหด เรอิกโกะก็ปรับความคิดใหม่ทันที โลกที่ไม่มีมนุษย์คนอื่น ๆ อยู่ด้วยไม่ใช่โลกที่เธอต้องการอีกแล้ว การได้อยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ ในสังคมต่างหากที่โอเคกว่า แม้จะมีด้านที่ไม่ชอบอยู่บ้าง แต่การมีคนให้ได้ปฏิสัมพันธ์ด้วยก็ทำให้มีความสุขได้เหมือนกัน 



          "ตอนนี้ฉันเข้าใจถ่องแท้แล้วค่ะว่าสิ่งที่ฉันมีอยู่ในชีวิตมันมีค่ามากแค่ไหน"






http://travel.kapook.com/view141765.html

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สุดเวทนา เจ้าหน้าที่ป้อนน้ำเด็กน้อยหิวโซ ถูกชาวบ้านทิ้งให้อดตายเหตุเชื่อเป็นพ่อมด !


         เผยภาพชวนเวทนาจากนักเคลื่อนไหวเพื่อมนุษยธรรมในไนจีเรีย ป้อนน้ำเด็กน้อยร่างผอมซูบเล็กแกร็น ถูกชาวบ้านทิ้งให้อดตายเพราะเชื่อเป็นหมอผี นำตัวมาดูแลจนร่างกายค่อย ๆ ฟื้นฟูเช่นเด็กปกติ

           ในพื้นที่ด้อยพัฒนาอันห่างไกลเช่นในทวีปแอฟริกา เด็ก ๆ จำนวนมากเติบโตขึ้นท่ามกลางคุณภาพชีวิตต่ำ ภายใต้สภาพความเป็นอยู่สุดแร้นแค้น แล้วยังมีบางส่วนในจำนวนนั้นที่ตกเป็นเหยื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์แม่มด หมอผี เช่นเดียวกับที่เด็กชายร่างแคระแกร็นผอมซูบวัย 3 ขวบคนนี้ ถูกทอดทิ้งในสภาพไม่มีเสื้อผ้าใส่ ปล่อยให้หิวโหยอดอยากตามยถากรรม

            เว็บไซต์เมโทร เปิด เผยเรื่องชวนเวทนานี้ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ถ่ายทอดทั้งภาพและเรื่องราวจาก Anja Ringgren Lovén นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษย์ชน และผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษาและพัฒนาเด็ก ๆ ในแอฟริกา (African Children’s Aid Education and Development Foundation)


           อันจาโพสต์ภาพตัวเองกำลัง ป้อนน้ำแก่เด็กชายที่เธอตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "โฮป" (Hope) หรือ ความหวัง พร้อมเล่าว่า นี่เป็นสิ่งที่เธอได้พบเห็นมาหลายต่อหลายครั้งแล้วตลอด 3 ปีที่อยูในไนจีเรีย เด็ก ๆ นับพันถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มดชั่วร้าย ถูกทำร้ายทารุณ ถูกทำให้หวาดกลัว และเรื่องราวเหล่านี้คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงยอมขายทุกสิ่งทุกอย่างที่มี และย้ายมาอยู่ในดินแดนที่ไร้คนเหลียวแล 



           อันจาได้รับหนู่อยโฮปไปดูแล สภาพร่างกายของเขาช่างผอมโซอย่างเลวร้าย แต่ก็นับว่าโฮปกลายเป็นนักสู้ตัวน้อย หลังได้รับการดูแลอย่างดีแล้ว สภาพร่างกายของเด็กชายก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นใจ 



           "การได้เห็นเขาลุกขึ้นนั่งเล่นกับลูกชายของฉันได้ ถือเป็นประสบการณ์ทีวิเศษที่สุดของฉันเลยจริง ๆ"



           "ฉันไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไร แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตฉันสวยงามและมีค่า งั้นฉันจะขอให้ภาพเหล่านี้พูดแทนความรู้สึกดีกว่านะคะ"


  
           ทั้งนี้ภาพแรกที่อันจาได้ป้อนน้ำหนูน้อยถูกโพสต์เมื่อวันที่ 31 มกราคม และที่ภาพล่าสุดถูกโพสต์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง




http://hilight.kapook.com/view/132851

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

คลิปตูบโชว์สเต็ปแดนซ์โยกไม่ยั้ง ลีลาเป๊ะมากพูดเลย


       เด็กหนุ่มอัดคลิปโชว์สเต็ปแดนซ์เขย่าสะโพกพร้อมเจ้าตูบ สหายสี่ขาออกลีลาอย่างพลิ้ว ทั้งเป๊ะทั้งฮา แต่บางคนบอกว่า นี่มันท่าขับพยาธิ !

         เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยคลิปโชว์สสเต็ปแดนซ์ชวนฮา เมื่อเด็กหนุ่มจากบราซิลคนนี้มาโชว์แบทเทิลกับเจ้าตูบ ทันทีที่ดนตรีขึ้นมา ทั้งเด็กหนุ่มและเจ้าตูบก็เริ่มโยกย้ายส่ายเอว เขย่าสะโพกเด้งไปเด้งมา ตามจังหวะเสียงปรบมือเชียร์ของคนรอบ ๆ ทั้งน่าเอ็นดูทั้งฮา ถึงจะ 4 ขาแต่ลีลาความพลิ้วของเอวและสะโพก บอกเลยว่าไม่ยอมคนเหมือนกันนะฮะ


             หลังจากคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลงโลกออ นไลน์ ชาวเน็ตต่างเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก แม้ว่าผู้ชมจำนวนมากจะพากันชอบใจและชื่นชมความสามารถของเจ้าตูบตัวนี้ แต่ก็มีบางส่วนที่หัวเราะไม่ออก โดยได้แสดงความคิดเห็นว่า เจ้าตูบตัวนี้มันไม่ได้เต้นอยู่สักหน่อย แท้จริงแล้วมันทำท่าขับพยาธิที่ก้นต่างหาก ควรจะนำไปพบสัตวแพทย์มากกว่า

ภาพจาก THEFOOLHARDYGUY

http://pet.kapook.com/view141125.html

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หึงโหด ! หนุ่มชักปืนไล่ยิงเจ้าสำนักสงฆ์ เหตุหึงภรรยาบวชชี คิดว่าปันใจให้พระ


               หนุ่มวัย 45 ปี ควงปืนลูกซองไล่ยิงเจ้า สำนักสงฆ์ควนโด จ.นครศรีธรรมราช เจ็บสาหัส เหตุเพราะหึงหวงภรรยาที่บวชเป็นแม่ชี คิดว่าปันใจให้เจ้าสำนักฯ ด้านตำรวจเร่งขอหมายจับดำเนินคดี

                วัน ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ขอหมายจับจากศาลจังหวัดทุ่งสง เพื่อทำการจับกุมตัว นายจำเริญ เรืองเพชร อายุ 45 ปี ในข้อหาพยายามฆ่าพระกิตติ คงดี อายุ 45 ปี หัวหน้าสำนักสงฆ์ควนโด ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช  จ.นครศรีธรรมราช โดยกระสุนถูกเจาะกลางหลังและไหล่ซ้าย บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณ ถนนสายทุ่งสง-ตรังหมู่ที่ 3 ต.กะปาง

                จาก การสอบสวน นายจอมไกร ชำนาญกิจ คนขับรถให้พระกิตติ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ขับรถเก๋งวอลโว่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ-4882 นครศรีธรรมราช พาพระกิตติไปงานศพที่ ต.น้ำตก อ.ทุ่งสง แต่ระหว่างขากลับบริเวณสี่แยกไฟแดง ได้มีคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้อ มิตซูบิชิไทรตัล สีขาว ทะเบียน ผก-1135 นครศรีธรรมราช มาจอดท้ายรถ ก่อนชักปืนลูกซองมาจ่อยิงตรงกระจก ทำให้กระสุนปืนถูกแผ่นหลังพระกิตติ ตนจึงขับรถหนี คนร้ายก็ยังใช้อาวุธไล่ยิงมาอีก 1 นัด แต่ยิงไม่ถูกจึงขับรถหลบหนี ส่วนตนได้พาพระกิตติไปส่งโรงพยาบาลทุ่งสง

                ทั้ง นี้จากแนวทางการสอบสวนพบว่า นายจำเริญ ลงมือก่อเหตุเพราะความหึงหวงภรรยาที่บวชเป็นแม่ชีอยู่ในสำนักดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าภรรยาปันใจไปคบกับพระกิตติในเชิงชู้สาวจึงติดตามไล่ยิง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์

http://hilight.kapook.com/view/132525