วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เปิดตำนานหลอน ตุ๊กตากะลาสีผีสิงแห่งเมืองคีย์เวสต์



         "ตุ๊กตาผีสิง" เป็นหนึ่งในเรื่องราวชวนขนหัวลุกที่มีอยู่ทั่วไปแทบจะทุกประเทศ และมักจะถูกหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังจากปากต่อปากจนกลายเป็นตำนานหลอนชวนขนหัว ลุกมาจวบจนทุกวันนี้ แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีหลายเรื่องราวที่เรายังไม่ทราบอีกมาก วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปเปิดประสบการณ์หลอนกับตำนานของ "โรเบิร์ต" ตุ๊กตากะลาสีผีสิงสุดเฮี้ยนแห่งเมืองคีย์เวสต์ 


          เด็กคนไหนจะไปคิดว่าตุ๊กตาแสนรักของเขาวันหนึ่งจะกลายเป็นดั่งฝันร้ายที่คอยหลอก หลอนเขาไปชั่วชีวิต... เมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 18 หลังจากจากโทมัส ออตโต้ พร้อมทั้งครอบครัวได้ย้ายเข้าไปอยู่ในแมนชั่นในเมืองคีย์เวสต์ รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ บ้านหลังนี้รู้จักกันดีในชื่อว่า บ้านศิลปิน อีกทั้งโทมัสยังเป็นที่เลื่องลือด้านความเข้มงวดกับคนรับใช้ในบ้าน จนถึงวันหนึ่ง สาวชาวเฮติรายหนึ่งถูกโทมัสจ้างมาให้ดูแลลูกชายวัย 10 ขวบของเขา ซึ่งก็คือ โรเบิร์ต ยูจีน ออตโต หรือเรียกสั้น ๆ ว่า จีน
กระทั่งวันหนึ่งโทมัสจับได้ว่า สาวใช้คนนี้แอบฝึกพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มนตร์ดำของชนเผ่าวูดูที่สวนหลังบ้าน เขาจึงไล่เธอออกจากบ้านไป แต่ทว่าก่อนที่จะจากไป เธอได้มอบตุ๊กตาตัวหนึ่งไว้ให้แก่จีน ตุ๊กตัวนี้เป็นตุ๊กตาเด็กชายเหมือนกับจีน สวมชุดกะลาสี สูง 90 ซม. มีดวงตาที่ทำมาจากกระดุม และเส้นผมที่ทำมาจากผมของมนุษย์ (ซึ่งเชื่อว่าเป็นผมของจีน) จีนชอบตุ๊กตาตัวนี้มากและตั้งชื่อให้กับมันว่า "โรเบิร์ต" ตามชื่อของเขา


         นับตั้งแต่นั้นมา ตุ๊กตาโรเบิร์ตก็กลายมาเป็นเพื่อนรักกับจีน เขามักจะพามันไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ไม่ว่าไปซื้อของเล่น กินข้าวที่โต๊ะอาหาร และพาไปนอนในห้องด้วยทุกคืน ตัวติดกันตลอด แม่ของจีนมักจะได้ยินเสียงเด็กพูดคุยกันภายในห้อง แต่เธอก็คิดว่าคงเป็นเสียงที่ลูกชายดัดเสียงแปลก ๆ เป็นตุ๊กตาและพูดคนเดียวตามประสาเด็ก จึงไม่ได้คิดอะไร ทว่าหลังจากนั้นพ่อและแม่ของจีนเริ่มสังเกตเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านถูกขว้างปาเสียหาย เมื่อถูกซักถามจีนก็จะตอบว่าโรเบิร์ตเป็นคนทำ แรก ๆ พวกเขาก็รู้สึกไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เด็กจะโทษเพื่อนในจินตนาการของตน


        แต่หลังจากนั้นเริ่มมี เหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กระทั่งกลางดึกคืนหนึ่งพ่อและแม่ได้ยินเสียงของตกแตกพร้อมกับเสียงกรีดร้อง ของลูกชายตะโกนให้ช่วย จึงรีบวิ่งไปดูด้วยความตกใจ และพบว่าประตูห้องล็อก ส่วนอีกด้านของประตูพบแต่ความมืดและเสียงหัวเราะคิกคักดังออกมา จนในที่สุดเมื่อประตูเปิดออกเขาพบลูกชายซุกอยู่บนเตียงด้วยความหวาดกลัว สภาพห้องยับเยิน พร้อมกับเสียงกระซิบจากลูกชายว่า "โรเบิร์ตเป็นคนทำ"


          เมื่อเป็นเช่นนี้ญาติ ๆ ของครอบครัวจึงให้คำแนะนำว่า ควรต้องทำอะไรสักอย่างกับตุ๊กตาผีสิงตัวนี้ พ่อและแม่ของจีนจึงตัดสินใจนำตุ๊กตาโรเบิร์ตไปเก็บไว้ในกล่องที่ห้องใต้ หลังคาและอยู่ที่นั่นเรื่อยมา จนกระทั่งหลายปีผ่านไปโทมัสผู้เป็นพ่อเสียชีวิตลง จีนเติบโตขึ้นแต่งงานมีภรรยาและอยู่ที่บ้านหลังนี้สืบต่อมาจากบิดา


          กระทั่งวันหนึ่งจีนอยากตกแต่งบ้านจึงขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาและพบเจ้าตุ๊กตาโร เบิร์ตเพื่อนเก่านอนจมกองฝุ่นอยู่จึงเก็บขึ้นมาใหม่ และนำมันติดตัวไปด้วยทุกที่เช่นเดิม ภรรยาของจีนมักจะเห็นมันแอบเหลือบมองสามีของเธอตลอดเวลาที่เผลอ หลังจากนั้นความสัมพันธ์รักของจีนและภรรยาก็แย่ลงขึ้นทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเสียชีวิตไปอย่างไม่มีสาเหตุ

          ในที่สุดจีนตัดสินใจนำตุ๊กตาโรเบิร์ตกลับไปไว้ที่ห้องใต้หลังคาตามเดิม แต่ก็ไม่วายยังมีเสียงของเพื่อนบ้านมาบอกอยู่บ่อยครั้งว่า พวกเขามักจะได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องใต้หลังคาจากบ้านของเขา อีกทั้งตุ๊กตายังทำท่าทางหลอกหลอนจนไม่มีใครกล้าเดินผ่านบ้านหลังนี้ มีเพียงจีนคนเดียวที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในปี 1972 แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ตำนานของตุ๊กตาโรเบิร์ตสิ้นสุดลง

         บ้านหลังนี้ถูกขายต่อให้กับครอบครัว หนึ่งซึ่งมีลูกสาววัย 10 ขวบเช่นกัน และเธอก็ได้ไปเจอกับตุ๊กตาโรเบิร์ตที่ห้องใต้หลังคา จากนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมเช่นเดียวกับจีน กระทั่งสุดท้ายมันส่งไปอยู่พิพิธภัณฑ์ East Martello Museum ซึ่งมันถูกเก็บไว้ในตู้กระจกปิดล็อกอย่างแน่นหนา และกลายเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเรื่องลึกลับชวนขนลุก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นตุ๊กตาโรเบิรต์ตัวนี้ขยับได้ เอง พนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งเล่าว่า คืนหนึ่งเคยเข้าไปทำความสะอาดตัวตุ๊กตา แต่พอตอนเข้าไปดูอีกครั้งในตอนเช้า กลับพบว่ามันเปลี่ยนไปอยู่อีกท่าหนึ่ง

          ทุกวันนี้ ตุ๊กตาโรเบิร์ตก็ยังคงถูกตั้งโชว์ไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปชมเป็นจำนวนมาก สายตาของมันก็ยังดูราวกับว่าจ้องมองผู้ที่เขาไปชมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีกฎข้อห้ามตามความเชื่ออีกด้วยว่า หากจะถ่ายรูปเขาไปจะต้องขออนุญาตก่อนถึงจะถ่ายได้ มิเช่นนั้นอาจจะเจอคำสาปเช่นเดียวกับในตำนาน

          เรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าชวนขนหัวลุกที่แค่ถ่ายทอดสืบกันมาหรือ ผู้เล่าต้องการจะสื่อว่าตุ๊กตาโรเบิร์ตผีสิงตัวนี้ยังคงมีชีวิตอยู่จริง ๆ กันแน่ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้...หรือคุณอาจต้องไปพิสูจน์ด้วยตัว เอง !

ภาพจาก weirdus.com, terrornautas.com, megacurioso.com
ขอบคุณข้อมูลจาก
paranormalstories.com, weirdus.com

http://hilight.kapook.com/view/127253

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น