แอร์บัสและเอเรียน
สองบริษัทการบินยักษ์ใหญ่จับมือพัฒนาเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวความเร็วเหนือ เสียง AS2 ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ทซูเปอร์โซนิคลำใหม่ของโลก
มาพร้อมดีไซน์เพรียวบาง ดูแปลกแต่สวยงามจนยากจะละสายตา คาดพร้อมบินทดสอบในอีก 6
ปีข้างหน้า
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยว่า แอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส จับมือ เอเรียน บริษัทด้านอากาศยานของสหรัฐฯ วิจัยค้นคว้าและพัฒนาการผลิตเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวความเร็วเหนือเสียงลำแรก ของโลก ภายใต้ชื่อ Aerion AS2
AS2 ถือเป็นเครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงลำใหม่ของโลก หลังจากที่เครื่องบินคองคอร์ดของสายการบินแอร์ฟรานซ์และบริติชแอร์เวย์ถูก ประกาศยกเลิกการใช้งานทุกลำในปี 2546 เนื่องจากมีผู้ใช้บริการน้อยและมีต้นทุนสูง ทั้งนี้เป็นผลกระทบมาจากความตกต่ำของอุตสาหกรรมการบินหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยว่า แอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส จับมือ เอเรียน บริษัทด้านอากาศยานของสหรัฐฯ วิจัยค้นคว้าและพัฒนาการผลิตเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวความเร็วเหนือเสียงลำแรก ของโลก ภายใต้ชื่อ Aerion AS2
AS2 ถือเป็นเครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงลำใหม่ของโลก หลังจากที่เครื่องบินคองคอร์ดของสายการบินแอร์ฟรานซ์และบริติชแอร์เวย์ถูก ประกาศยกเลิกการใช้งานทุกลำในปี 2546 เนื่องจากมีผู้ใช้บริการน้อยและมีต้นทุนสูง ทั้งนี้เป็นผลกระทบมาจากความตกต่ำของอุตสาหกรรมการบินหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา
เครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงลำนี้ สามารถบินข้ามซีกโลกได้ด้วยความเร็วสูงสุดราว
1,960 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่เครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป
สามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงสุดราว 770 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และ 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ก็เท่ากับการเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังนครนิวยอร์กภายในเวลา 3 ชั่วโมง จากปกติที่ต้องใช้เวลาราว 8 ชั่วโมง หรือการเดินทางจากนครลอสแอนเจลิสไปยังกรุงโตเกียวภายในเวลา 6 ชั่วโมง จากปกติที่ใช้เวลาราว 12 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางไกลข้ามทวีปได้เป็นอย่างดี
ดีไซน์แปลกสะดุดตาที่มาพร้อมสีแดงสดและสีขาวตัดกัน ถูกออกแบบตามหลักพลศาสตร์การบิน ว่าด้วยการลดแรงเสียดทานของอากาศต่อพื้นที่หน้าตัดของวัตถุ โดยผู้ผลิตทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลกว่า 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.6 พันล้านบาท) ในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาการผลิต โดยคาดว่าเครื่อง AS2 ลำจริงจะพร้อมให้ยลโฉมภายในปี 2561 พร้อมทดสอบการบินในปี 2564 และพร้อมให้บริการจริงในปี 2566
ภาย ในห้องโดยสารความยาว 30 ฟุตนั้นรองรับผู้โดยสารจำนวน 12 ที่นั่ง มีพื้นที่กว้างขวาง โอ่อ่า นั่งสบาย ดีไซน์หรูหราทันสมัย รวมถึงยังสามารถปรับเบาะเอนนอนได้สำหรับการบินช่วงกลางคืนด้วย
ภาพจาก
Aerion Supersonic
http://hilight.kapook.com/view/129350
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น